puzzlecube  | up one level »


เราอาจต้อง
ประคับประคอง
เมล็ดพันธ์ุในใจ
ไม่ให้เปลี่ยนไป
ระหว่างทาง

{ มนวาสิน }

 

"Amature Creative Writing Club Zine vol. 6"

[ The Seeds collector {Manavasin} – You did a quick reading and
decided that this article is about a person whose obsession was collecting various seeds. ]

 

สมัยยังต้องรอแม่มารับหลังเลิกเรียน บริเวณหน้าห้องธุรการโรงเรียนประถมมีปลูกไม้ยืนต้น ในกระถางขนาดโอ่งมังกร วางเรียงสลับป้อมศาลาไม้นั่งเล่นกับพุ่มดอกเข็มและเฟื่องฟ้า พวกเราตกลงใหศาลาเป็นบ้าน พุ่มดอกเข็มเป็นโรงเรียน พุ่มเฟื่องฟ้าเป็นที่ทำงาน ต้นไม้ใหญ่เป็นป่า เวลาจะทำกับข้าวเราก็ต้องไปเข้าป่า เราหาของป่ามาทำอาหาร คนทำอาหารเขาให้เป็นพี่คนโต คงไม่มีใครตื่นเต้นกับการได้เป็นพี่คนโตเท่าฉัน คนอื่นๆมักจะโยนบทพี่คนโตให้ และไม่เคยมีใครพยายามแย่งบทนี้ของฉันไป ฉันชอบเล่นเป็นพี่คนโต แต่เสียอย่างหนึ่งคือเวลาฉันเข้าป่าไปหาอาหาร กลับมาบ้านศาลาอีกทีปรากฎว่าทุกคนในบ้านเปลี่ยนใจไปเล่นวิ่งไล่จับกันหมดเสียแล้ว เพื่อนบอกว่ารอนานจนทนไม่ไหว

‘ป่า’ ในกระถางที่ว่านี้ชื่อต้นไทรย้อยใบแหลม ป้ายพลาสติกที่โคนต้นบอกไว้อย่างนั้น ตอนนั้นฉันชอบต้นไม้ชนิดนี้มาก ไม่ใช่เพราะฉันมีความรู้สึกผูกพันกับธรรมชาติ รับรู้ถึงความร่มเย็นเป็นสุขใต้ร่มโพธิ์ร่มไทรหรืออะไรทำนองนั้น ความชอบของฉันมีวัตถุประสงค์ เป็นความชอบที่ต้องการครอบครอง

ใต้ต้นไทรนั้นมีขุมทรัพย์มหาศาลที่หล่นจากต้นให้เลือกเก็บได้แทบทุกวัน เหมือนปล่อยเด็กเข้าร้านของเล่นพร้อมบอกว่าจะขนอะไรกลับมาก็ได้ นี่ของฉัน นั่นก็ของฉัน เมล็ดนี้คล้ายกับเมล็ดนั้น⁠—แต่มันไม่เหมือนกันทั้งหมดนะ ถ้าฉันเก็บแค่อันที่บุ๋มด้านป้าน ก็หมายความว่าฉันจะไม่มีอันที่บุ๋มด้านรีน่ะสิ ถ้าตอนนั้นสามารถโดดเรียนเพื่อมานั่งคัดนั่งเก็บเมล็ดไทรเหล่านี้ได้ ฉันคงไปนั่งอยู่ตรงนั้นทั้งวันเป็นแน่ เพราะกับผลไทรแห้งเล็กจิ๋วเหล่านั้น ฉันชื่นชมมันเหมือนมองดูเหมือนอัญมณีเลอค่าในมือเปื้อนดิน ผลสุกสีแดงสดบนต้นนั้นดึงดูดสายตามากกว่าก็จริง แต่มันเก็บไว้ถาวรไม่ได้นี่ แน่นอนว่าก่อนหน้าเคยลองดูแล้ว ผลปรากฏว่ามันเรียกแมลงหวี่และมดมาขึ้นกระเป๋านักเรียนเต็มไปหมด

การเก็บเมล็ดไทรเป็นเรื่องราวของการ ‘บ้า’ เก็บสะสมเมล็ดพันธุ์เรื่องแรกที่จำได้ เวลาฉันตั้งใจทำอะไรฉันจะทำแบบไม่ลืมหูลืมตา จากแค่ผลไทรแห้งต่อมาก็ไปเริ่มเก็บเมล็ดเป๊าะแป๊ะ—สิ่งนี้เข้าใจว่าตามเพื่อนด้วยเพราะเมื่อโยนลงน้ำจะระเบิด ผู้ชายชอบเล่นกัน—เมล็ดประดู่ เมล็ดดอกดาวกระจาย ต้อยติ่งฝรั่ง ผลหมาก เม็ดมะยม เม็ดมะขาม ผลตะแบก ผลตีนเป็ด และเมล็ดอื่นๆอีกมากมายเท่าที่จะสรรหาได้ ไปข้างนอกทีไรก็ต้องรบเร้าพ่อแม่ให้ซื้อเม็ดบัวที่เขาหาบขายข้างถนนให้ทุกครั้งที่เห็น เมื่อโตขึ้นอีกนิดก็เริ่มเจียดเงินค่าขนมเพื่อไปซื้อเมล็ดผักผลไม้ที่เขาแบ่งขายใส่ซองกระดาษในร้าน กินผลไม้อะไรก็จะแอบเอาเมล็ดไปล้างและตากแห้งเพื่อเก็บ นานวันเข้าของสะสมเล็กจิ๋วเหล่านี้ก็พอกพูนขึ้นเรื่อยๆจนเต็มพื้นที่

ฉันชอบเมล็ดพันธุ์ที่ฉันมีอยู่ แต่ฉันก็ชอบจินตนาการถึง ‘เมล็ดในอุดมคติ’ ที่สมบูรณ์แบบอย่างที่ฉันยังไม่มีเช่นกัน แบบที่ฉันชอบเป็นพิเศษจะเป็นเมล็ดแห้งๆ รูปทรงแปลกตา ผิวสัมผัสหยาบแต่ต้องไม่หยาบแบบที่ฉันไม่ชอบ ต้องแข็ง ยิ่งแข็งเท่าไรยิ่งดี มันช่วยให้ฉันแน่ใจว่า สิ่งนี้มีอยู่จริง อยู่กับฉันอย่างไรก็ไม่บุบสลายแปรเปลี่ยน และมันจะเป็นของฉันแบบนี้จวบจนวันที่ฉันตาย —ผลตะแบกนาค่อนข้างไกล้เคียงกับสิ่งที่ฉันชอบ แต่มันไม่แข็งแรงพอและทำให้เกิดฝุ่นมากไปหน่อย

ฉันเคยลองอธิบายความชอบนี้ให้เพื่อนที่มาเล่นที่บ้านและได้เห็น ‘คลังสะสม’ ดู ด้วยความที่ยังเด็กก็อธิบายแบบเด็กๆ อธิบายว่าความชอบนั้นน่ะมาจากรูปทรง สีสัน และความแตกต่างเฉพาะตัวของแต่ละอัน ได้มอง ได้จับแล้วมีความสุข แต่พอเพื่อนถามว่า อ้าว แล้วทำไมเมล็ดจากต้นคล้ายๆกันต้องเก็บไว้เยอะขนาดนี้ด้วย อันนี้ไม่เห็นจะต่างกับอีกอันสักนิด  ฉันอธิบายต่อไม่ได้ ตอบได้แค่ว่า ก็มีแล้วรู้สึกดีนี่นา...

แม้เหตุผลเรื่องความหลงไหลในรูปและสัมผัสจะถูกต้อง ตอนนั้นฉันยังไม่เข้าใจว่าทำไมเพื่อนไม่เข้าใจ ฉันไม่ได้ต้องการเก็บของหลายๆประเภทแค่อย่างละชิ้นแล้วจัดแสดง —นั่นมันงานของพิพิธภัณฑ์

ฉันเข้าใจว่าความสุขของการสะสมเราต้องสัมผัสมันผ่านหลายขั้นตอน ตั้งแต่ตอนเสาะหตอนจัดเก็บ จนกระทั่งตอนชื่นชม ฉันนึกถึงสารคดีที่งูกลืนเหยื่อ มันคอยเฝ้าติดตามอาหารของมันอย่างใจเย็นก่อนจู่โจม ถ้าฉันเป็นงู ฉันคงจินตนาการไปถึงรสชาติอาหารและความรู้สึกพีงพอใจตอนที่กลืนเหยื่อเข้าไปนอนในท้องเรียบร้อยแล้ว...ขณะแค่กำลังเฝ้าดู

โดยทั่วไป ถ้างูในสารคดีเห็นเหยื่ออีกตัวขณะเฝ้าอยู่มันคงไม่สนใจ และถ้ามันพลาดทำเหยื่อที่เล็งไว้หนีไปได้ มันคงแค่ไปหาเหยื่ออื่น  แต่ตอนนั้นฉันทำไม่ได้  ฉันตัดใจไม่เก็บไม่ได้  ฉันตัดใจและยอมรับว่าฉันจะไม่มีโอกาสได้ครอบครองเมล็ดอีกเมล็ดที่แทบจะเหมือนกันนั่นไม่ได้

สำหรับฉัน เมล็ดพันธุ์ที่ไม่ได้เก็บคือโอกาสที่ตัวเองปล่อยให้หลุดหายไป

 ...เมล็ดทุกเมล็ดที่เห็นนั่นน่ะแตกต่างกัน แต่ละอันถ้าให้พูดจริงๆมันก็คือต้นไม้ทั้งต้นเลยนะต้นไม้ทั้งต้นเลย ขอเพียงแค่มันมีโอกาสได้ปลูกลงดิน มันจะกลายเป็นอะไรก็ได้ เห็นต้นไทรนั่นไหม ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นอยู่แค่เอื้อม...และเธอเองก็สามารถเป็นผู้กุมความเป็นไปได้ กุมโอกาสนั้นไว้ในมือ มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละที่ไม่กล้าหยิบมันขึ้นมาเก็บไว้กับตัว…

ตอนนั้นเมล็ดพันธุ์ต่างๆนับไม่ถ้วนล้นออกจาก ‘คลังสะสม’ กินพื้นที่ในห้อง ทำฉันแพ้ฝุ่น แต่ฉันก็ทิ้งพวกมันไม่ได้ แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าไม่มีที่และไม่มีโอกาสได้ปลูกแน่ ๆ เวลาจะมานั่งชื่นชมก็ยังไม่มีเสียด้วยซ้ำ แต่ตอนนั้นสถานภาพของมันเลยไปไกลมากแล้ว การเสาะหา การได้มาและการเก็บ เสมือนเป็นตัวตนอีกอย่างหนึ่งของฉัน ของสะสมได้เปลี่ยนสภาพจาก ‘ของฉัน’ ไปเป็น ‘ตัวฉัน’ ตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ จะให้ทิ้งมันไปได้อย่างไรล่ะ เมล็ดพวกนี้นอกจากฉันก็คงไม่มีใครอีกแล้วล่ะที่จะมาเห็นค่า พวกมันคือฉันนี่ หากต้องโยนมันทิ้งไปและไม่หาสิ่งอื่นมาใส่เพิ่ม สักวันก็คงจะไม่เหลือตัวฉันอีก!

หลังจากนั้นฉันก็ไม่ได้ชอบเมล็ดพันธุ์ในแบบที่มันเป็น—สนุก น่าสนใจ และแตกต่าง—เหมือนที่เคยคิดตอนประถม หากแต่ฉันเก็บสะสมต่อเพราะการสะสมทำให้ฉันสามารถจินตนาการภาพตัวเองกำลังหยิบมันขึ้นมาและนั่งมองมันได้ สามารถจินตนาการได้ว่ามันคือต้นไม้ ในมือฉันมีต้นไม้ ทุกเมล็ดที่เห็นตรงนี้ทุกเม็ดมีโอกาสจะเป็นต้นไม้ใหญ่ เต็มไปด้วยความเป็นไปได้!

ทั้งๆที่ความเป็นจริงพวกมันไม่เคยถูกหยิบขึ้นมามอง และไม่มีโอกาสได้กลับสู่ดิน ทั้งๆที่หากปลูกมันขึ้นจริงๆ ต้นประดู่ต้นนี้มันก็คงเหมือนกับต้นประดู่ที่ขึ้นข้างบ้าน

ยิ่งเก็บสะสมเมล็ดพันธุ์พวกนี้นานเท่าไร มันก็ยิ่งเปลี่ยนรูปเปลี่ยนร่าง





 

ฉันคงลืมไปว่าท้ายที่สุดแล้วมันก็คือเมล็ดพืช เมล็ดพืชไม่ใช่ต้นไม้ มันเป็นแค่ต้นไม้ในจินตนาการ เป็นจินตนาการที่เจ้าของทำงานหนักเกินไป

 

วันนั้น ฉันก็ไม่แน่ใจว่าอะไรมาดลใจให้ตัวเองลุกขึ้นมาทิ้งเมล็ดพันธุ์เกือบทั้งหมด ที่ผ่านมาฉันพยายามหาข้ออ้างที่จะไม่จัดการหรือเก็บกวาดคลังสะสมใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะฉันกลัว กลัวความเจ็บปวดที่จะเกิดเมื่อต้องทิ้งส่วนหนึ่งของตัวเองเหมือนทิ้งขยะ อยู่กับความกลัวนี้มาตลอด ทั้ง ๆ ที่ความจริงไม่เคยยอมให้ตัวเองเผชิญกับความเจ็บปวดนั่นจริง ๆ สักครั้ง

คาดว่า การฆาตกรรมเกิดด้วยอารมณ์ชั่ววูบ หลังจากรู้ตัวว่าทำอะไรลงไป ใจก็หายวาบอย่างกับมันไม่เคยมีอยู่ กายที่เหลือก็ตั้งมั่นเตรียมตัวรับความทุกข์สาหัสที่คงจะกระแทกเข้าแสกหน้าในไม่ช้า—

แต่มันก็ไม่มา

หากถามว่าเสียใจไหม ก็เสียใจ เสียใจมาก นั่นมันชีวิตฉันตั้งหลายปีเลยนะ แต่ความเจ็บนั้นมันมาพร้อมกับความรู้สึกปลดปล่อย และอิสรภาพบางอย่าง —อิสรภาพเป็นคำความหมายใหญ่ แต่ตอนนั้นคิดได้แต่คำนั้นจริงๆ อิสรภาพแบบรูปคนริมผาอ้าแขนรับแสงแรกของวันมีนกพิราบบินเป็นฉากหลังกับคำว่าปลดปล่อยความหมายแบบตัวหวิวเบาสบายเหมือนในโฆษณาผ้าอนามัย

วันนั้น ฉันทิ้งเมล็ดพันธุ์ที่ฉันเคยมุ่งแต่จะประคับประคอง และยอมให้ตัวเองตายไปครึ่งหนึ่ง เพื่อค้นพบว่าเมล็ดพันธุ์เหล่านั้นไม่เคยเป็นส่วนหนึ่งของตัวฉัน

มีคนเคยบอกว่า ความฝัน ความหวัง ความมุ่งหมาย เป็นสิ่งที่ควรรักษาไว้ให้มั่น แม้ว่าความหนักแน่นมั่นคงจะเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าเมล็ดพันธุ์เหล่านั้นประคองไว้แล้วทำให้มือเป็นแผล ฉันคิดว่าสิ่งที่ดีที่สุดสิ่งหนึ่งที่คนคนหนึ่งจะทำให้ตัวเองได้ คงเป็นการยอมให้ตัวเองปล่อยมือ

เราอาจต้องประคับประคองเมล็ดพันธ์ุในใจไม่ให้เปลี่ยนไประหว่างทาง

ใช่  แค่ อาจจะ ก็พอ